Views 1780
2025-11-26 18:00
ไมโครพลาสติกกลายเป็นปัญหามลพิษโลกยุคใหม่ ที่กำลังกลายเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ผ่านการกิน การดื่ม และแม้แต่การหายใจ เรียกว่าเป็นภัยเงียบที่ต้องเฝ้าระวังและแก้ไขอย่างจริงจังในอนาคต
ไมโครพลาสติก (Microplastics) คือ เศษชิ้นส่วนของพลาสติกขนาดเล็กมากที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไมโครพลาสติกถูกพบได้เกือบทุกที่ ทั้งในน้ำทะเล อากาศ ดิน อาหาร และแม้แต่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจเป็นหนึ่งในมลพิษรูปแบบใหม่ ที่ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว
ปัจจุบันมีวิจัยใหม่ๆ ศึกษาตัวช่วยที่สามารถลดการสะสมไมโครพลาสติก เช่น การใช้ “โพรไบโอติกส์(Probiotic)” เพื่อดีท็อกซ์ไมโครพลาสติกออกทางลำไส้ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งความหวังของการปกป้องเราจากพลาสติกที่เรามองไม่เห็นได้
การสัมผัส และการได้รับไมโครพลาสติก ในมนุษย์ส่วนใหญ่นั้น เกิดขึ้นผ่านการกิน และการหายใจ เมื่อไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย สามารถสะสมโดยไปเกาะอยู่ตามผนังทางเดินอาหารได้เป็นเวลานาน เนื่องจากมีความทนทานต่อการย่อยสลาย เลยส่งผลกระทบกับร่างกายเราในหลายๆด้าน ครอบคลุมถึงการไปรบกวนระบบย่อยอาหาร ระบบฮอร์โมน และระบบประสาทได้
ในลำไส้ ไมโครพลาสติกสามารถทำลายความสมดุลของระบบทางเดินอาหาร มันสามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของจุลินทรีย์ในลำไส้ และกระตุ้นการตอบสนองการอักเสบ
ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งเรียกว่าภาวะ Dysbiosis เป็นผลกระทบที่สำคัญ คือการลดลงของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และไปเพิ่มจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่ก่อโรคเเทน นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกยังสามารถทำลายการดูดซึมสารอาหารของลำไส้ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า "ลำไส้รั่ว" ทำให้สารอันตรายสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้เท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อระบบทั่วร่างกาย รวมถึงการตอบสนองของระบบประสาทอักเสบ(Neuroinflammation) และภาวะเมตาบอลิกซินโดรม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานชนิดที่ 2
งานวิจัยจาก Frontiers in Microbiology นักวิจัยได้ประเมินแบคทีเรีย 784 สายพันธุ์เพื่อดูความสามารถในการดูดซับไมโครพลาสติกชนิด polystyrene (ขนาด 0.1 μm)
โดยทดสอบโพรไบโอติกส์ 2 สายพันธุ์ที่โดดเด่นคือ Lacticaseibacillus paracasei DT66 และ Lactiplantibacillus plantarum DT88 มาทดลองกับหนู
ผลจากการทดลอง พบว่า:
⦁ อัตราขับไมโครพลาสติกชนิด polystyrene ออกทางอุจจาระเพิ่มขึ้น 34 %
⦁ ไมโครพลาสติกชนิด polystyrene ที่ตกค้างภายในลำไส้ของหนูลดลง 67 %
⦁ ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ที่เกิดจากไมโครพลาสติกชนิด polystyrene (อ้างอิง)
กลไกการทำงานของโพรไบโอติกส์ในการดีท็อกซ์ไมโครพลาสติก
- โพรไบโอติกส์สายพันธุ์เหล่านี้สร้างสารชีวภาพ(exopolysaccharides) ที่สามารถจับโมเลกุลไมโครพลาสติกในลำไส้ไว้รวมกันเป็นก้อน ก่อนขับออกทางอุจจาระ
- ช่วยลดการสะสมและการอักเสบในเยื่อบุลำไส้ ส่งเสริมสุขภาพจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ป้องกันผลเสียจากสารตกค้าง
• เลือกสายพันธุ์ที่มีผลงานวิจัยรองรับ : ใช้สายพันธุ์ L. paracasei DT66 และ L. plantarum DT88 หรือโพรไบโอติกส์กลุ่ม Lactobacillus ซึ่งโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ดังกล่าวมี GRAS (Generally Recognized As Safe) และ QPS (Qualified Presumption of Safety) จาก FDA และ EFSA ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยเมื่อนำมาอยู่ในอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ถึงแม้ว่าการลดไมโครพลาสติกในร่างกายด้วยโพรไบโอติกส์ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยในห้องทดลอง แต่มีความไปได้ที่จะช่วยให้ร่างกายจะสามารถขับไมโครพลาสติก ออกจากร่างกายได้
• เสริมจุลินทรีย์ที่มีชีวิตด้วยการรับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ดี โยเกิร์ต, นมเปรี้ยว, คีเฟอร์, กิมจิ หรืออาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ระบุสายพันธุ์ชัดเจน
• ผลิตภัณฑ์ควรระบุปริมาณจุลินทรีย์ CFU/เม็ดหรือกรัม และวันหมดอายุเพื่อประสิทธิผลสูงสุด
โดยรับประทานทุกวันเป็นประจำ เพราะจุลินทรีย์จะจับกับไมโครพลาสติกใหม่ที่เข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง งานทดลองในหนูใช้โดส 10⁸–10¹⁰ CFU/วัน
• เสริมใยอาหารธรรมชาติ เช่น chitosan หรือพรีไบโอติกส์ ควบคู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจับและขับสารตกค้างออกทางอุจจาระ
1. การรับประทานไฟเบอร์ มีบทวิเคราะห์ในวารสาร Food and Function ว่าไฟเบอร์ช่วยปกป้องสุขภาพจากไมโครพลาสติก โดยอาจช่วยพา microplasticขับถ่ายออกทางอุจจาระ
• ใยอาหารที่มีคุณสมบัติ ion exchange และ mesh adsorption ช่วยจับสารพิษ ไมโครพลาสติก และช่วยลดการดูดซึมสารพิษเข้าสู่ร่างกาย (อ้างอิง)
มีการงานทดลองในหนู: โดยใช้ Chitosan
• พบว่า ภายใน 1 สัปดาห์ หนูที่ได้รับ chitosan ขับไมโครพลาสติกออกทางอุจจาระได้สูง
• ไมโครพลาสติก polyethylene MPs ในลำไส้ลดลง (อ้างอิง)
2. เสริม antioxidant และ polyphenols จากผักผลไม้ เช่น แอนโธไซยานินในเบอร์รี่, ชาเขียว, ผักใบเขียว
• anthocyanins มีศักยภาพในการช่วยป้องกันผลเสียของไมโครพลาสติกต่อระบบฮอร์โมน (อ้างอิง)
• มีผลปกป้องความเสียหายที่เกิดจาก oxidative stress ในอวัยวะต่างๆ แม้ยังไม่มีการศึกษาทางคลินิก ในไมโครพลาสติกโดยตรง แต่ใช้กลไกเดียวกันกับกระบวนการกำจัดสารพิษ และโลหะหนักออกจากร่างกาย
3. ดื่มน้ำสะอาด กระตุ้นระบบขับถ่าย และกระบวนการล้างสารพิษของตับและไต
• การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นประจำ 2–2.5 ลิตรต่อวัน ช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานของไต
ซึ่งตับและไตมีบทบาทหลักในการขับไมโครพลาสติกและย่อยออกทางน้ำดี ปัสสาวะ อุจจาระ แต่วิธีนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ขจัดหมด100% (อ้างอิง)
โพรไบโอติกส์โดยเฉพาะสายพันธุ์ Lacticaseibacillus paracasei DT66 และ Lactiplantibacillus plantarum DT88 มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าช่วยจับและขับไมโครพลาสติกออกจากร่างกาย ลดผลเสียของการสะสมไมโครพลาสติกในลำไส้โดยตรงในสัตว์ทดลอง ถึงปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิกที่ทดลองผลจริงในมนุษย์ ว่าการใช้โพรไบโอติกส์จะช่วยดีท็อกซ์ไมโครพลาสติกในคนได้มากน้อยแค่ไหน ถือว่าเป็นโอกาสใหม่ในตลาดอาหารเสริม ที่เป็นแนวทางธรรมชาติใหม่ในการลดภัยสุขภาพ จากภาวะไมโครพลาสติกในชีวิตประจำวันที่เข้าถึงได้จริง แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต
“กูรูเช็ค” ชุมชนที่รวมเจ้าของแบรนด์อาหารเสริม สกินแคร์ ไว้มากที่สุดในไทย!!! อยากอัพเดทงานวิจัย เทรนด์ อาหารเสริม สกินแคร์ สามารถ join group LINE : @gurucheckacademy เพื่ออัพเดตข้อมูลก่อนใครได้ฟรี!! หรือคลิ๊กที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://line.me/R/ti/p/@gurucheckacademy
ปรึกษาพัฒนาสูตรกับผู้เชี่ยวชาญเภสัชกร R&D
(ติดต่อเรา)
“กูรูเช็คสร้างชุมชนสำหรับเจ้าของเเบรนด์ และโรงงาน OEM จากความต้องการจริงของตลาดอาหารเสริม สกินเเคร์ และผู้บริโภค ด้วยประสบการณ์ตรงในการเป็นผู้รีวิว เราจึงตั้งใจเป็นที่ปรึกษา พัฒนาสูตร(NPD)ให้กับเจ้าของเเบรนด์ เเละเป็นแพลตฟอร์มที่รวมโรงงาน OEM ที่มีความเก่งในเเต่ละด้านไว้ ให้ตอบโจทย์การผลิตอาหารเสริม สกินเเคร์ ที่ออกฤทธิ์ได้จริงตามงานวิจัย ซึ่งเป็นนโยบายหลักของเรา เพื่อยกระดับวงการอาหารเสริม สกินเเคร์ของไทยให้เเข่งขันได้ในระดับสากล“