Views 4469
2023-12-06 17:30
(กูรูเช็ค) โพรไบโอติกรักษาสิวอักเสบ สิวเรื้อรัง ได้จริงหรือมั่ว!?
โพรไบโอติก หรือ โปรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต จัดเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ภายในร่างกาย โดยเฉพาะในระบบย่อยอาหาร โพรไบโอติกสามารถพบได้ในอาหารที่ผ่านกระบวนการหมักบางชนิด เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโซะ ซึ่งการมีโพรไบโอติกที่เพียงพอในลำไส้ ช่วยให้เกิดความสมดุล และลดโอกาสการเกิดโรคได้ เช่น
• ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรคในลำไส้
• ลดการเกิดท้องเสีย
• ลดการอักเสบและอาการผิดปกติอื่นๆของลำไส้
• ส่งเสริมการดูดซึมสารอาหาร
• ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
จากการศึกษาพบว่า แบคทีเรียในลำไส้และช่องปากส่งผลต่อการอักเสบในร่างกาย ความเครียด ระดับน้ำตาลในเลือด ปริมาณไขมันในเนื้อเยื่อ และแม้กระทั่งอารมณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจส่งผลต่อสิวได้(อ้างอิง)
คุณๆที่กำลังประสบปัญหา สิวอักเสบ สิวเรื้อรัง รักษายังไงก็ไม่หาย ใช้สกินแคร์ก็แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร ลองสังเกตตัวเองเพราะสิวที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับคำว่า "All disease begins in the gut … โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายเริ่มต้นที่ลำไส้" หรือ ทฤษฎี Gut-brain-skin ที่ช่วงสอบก็จะมีความเครียด หน้าหมองคล้ำ สิวขึ้น อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือมีภาวะเครียด ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบสมดุลในลำไส้ได้ รวมถึงสิวในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบในร่างกาย โดยภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุลนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายจนทำให้เกิดสิวอักเสบตามมาได้ค่ะ
แล้วสรุปโพรไบโอติก ช่วยรักษาสิวได้หรือไม่? กูรูเช็คขอใช้คำว่า “มีส่วนช่วยในการลดสิว” แทนคำว่า รักษา ดีกว่าเนอะ เพราะการทานโพรไบโอติกไม่ได้ช่วยรักษาสิวโดยตรง แต่เป็นการทานเพื่อช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ลดการอักเสบในร่างกาย ลดจำนวนเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน จึงทำให้ลดการเกิดสิวและทำให้สิวอักเสบที่มีอยู่หายเร็วขึ้นได้
ดังนั้นการทานโพรไบโอติกก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคุณๆที่ประสบปัญาสิวที่เกิดจากลำไส้หรือระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติค่ะ
จากการศึกษาพบว่าโพรไบโอติกในกลุ่ม Lactobacillus และ Bifidobacteriumสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวและลดจำนวนสิวได้(อ้างอิง)
• Lactobacillus Acidophilus and Lactobacillus bulgaricus ช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรีย C. acnes(อ้างอิง)
• Lactobacillus Plantarum ช่วยเพิ่มการผลิตสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยลดการอักเสบของผิว(อ้างอิง)
• Bifidobacterium Bifidum ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีโพรไบโอติกชนิดอื่นๆ ที่อาจช่วยลดสิวได้ เช่น Lactobacillus casei, Lactobacillus fermentum, Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium longum, Bifidobacterium breve เป็นต้น
1. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว เช่น C. acnes จะผลิตสารต่างๆ เช่น กรดไขมันอิสระ ไลโปไลติกเอนไซม์ และสารก่อการอักเสบ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดสิว
• โพรไบโอติกจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ที่ทำให้เกิดสิวได้
2. ลดการอักเสบ
การอักเสบในร่างกายก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ค่ะ
• โพรไบโอติกสามารถช่วยยับยั้งการหลั่งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้ ส่งผลให้สิวอักเสบที่เกิดจากการอักเสบภายในร่างกายลดลงตามไปด้วยค่ะ
ผู้ที่รับประทานโพรไบโอติกในปริมาณที่สูงอาจได้รับผลข้างเคียง เช่น
• อาการท้องเสีย เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดขึ้นในช่วงแรก ๆ ของการรับประทานโพรไบโอติกและจะหายไปเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้
• อาการแพ้ เนื่องจากโพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้
• อาการอื่นๆ เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดศีรษะ และผื่นคัน
การทานโพรไบโอติกมีส่วนช่วยลดการอักเสบของสิว และช่วยลดจำนวนเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ แต่ไม่ได้รักษาโดยตรงนะคุณๆ เนื่องจากโพรไบโอติกจะไปปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เพื่อให้ลำไส้สุขภาพดี มีระบบขับถ่ายดี ปัญหาสิวอักเสบ ก็จะดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ
(สำหรับติดต่อโฆษณา)
“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “