เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views 11355

2023-05-11 18:00

(กูรูเช็ค) พาสาวๆรู้จัก อาการตกขาวและคัน พร้อมรีวิวการรักษา หายได้ถ้าเข้าใจ!?

• ตกขาวและคันในช่องคลอดเกิดจากอะไร?

มักจะเกิดจากจำนวนเชื้อราในช่องคลอดเพิ่มมากขึ้น ปกติในช่องคลอดของผู้หญิงจะมีเชื้อราอาศัยอยู่บ้าง เมื่อมีสภาวะในช่องคลอดเปลี่ยนไปและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา ก็จะมีอาการตกขาวปริมาณมากขึ้นและคันในช่องคลอด ภาวะเหล่านั้น ได้แก่ การตั้งครรภ์ การใส่เสื้อผ้าแน่นหรือคับเกินไป การรับประทานยาปฏิชีวนะมากเกินไป การได้รับยาเคมีบำบัดรักษามะเร็ง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคภูมิต้านทานบกพร่องอื่นๆ รวมถึงการใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่มากเกินไป สำหรับบางรายความเครียดก็อาจมีผลได้

• สาเหตุของ อาการตกขาว คัน คืออะไร?

สาเหตุที่พบบ่อย : 
• แพ้สารเคมีต่างๆที่สัมผัสกับช่องคลอดเช่น น้ำยาล้างช่องคลอด สบู่ น้ำยาอนามัยสำหรับทำความสะอาดอวัยวะเพศหญิง น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้กับชุดชั้นใน      
• แพ้เนื้อผ้าของชุดชั้นใน      
• ความเปียกชื้นบริเวณอวัยวะเพศเช่น ชุดชั้นในรัดมากเกินไป ไม่ระบายอากาศ ชุดชั้นในไม่สะอาดพอ มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่  หรือเหงื่อออกมากเช่น ในคนอ้วน      
• ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่      
• ภาวะอุจจาระเล็ด/กลั้นอุจจาระไม่อยู่      
• วัยหมดประจำเดือนเพราะจะส่งผลให้ผนังช่องคลอดบางและแห้ง จึงเกิดการระคายเคืองและอักเสบติดเชื้อได้ง่าย      
• ติดเชื้อรา (เชื้อราในช่องคลอด) หรือเสียสมดุลระหว่างเชื้อรากับแบคทีเรียประจำถิ่นในช่องคลอด (ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย) จากภาวะหมดประจำเดือน หรือจากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือมีโรคเรื้อรังบางโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำลงเช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น      
• มีโรคหูดบริเวณอวัยวะเพศ      
• มีแผลฉีกของช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์      
• ตกขาวจากการติดเชื้อของช่องคลอดหรือของมดลูก รวมทั้งจากการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์      
• เหาหรือโลนที่ขนอวัยวะเพศ      
• ความเครียด ความวิตกกังวล ปัญหาด้านอารมณ์/จิตใจ จะกระตุ้นให้เกิดอาการคันช่องคลอดในผู้หญิงบางคนได้

สาเหตุที่พบได้ไม่บ่อย :
• มีพยาธิเส้นด้าย/พยาธิเข็มหมุดจากในทวารหนักเข้ามาอยู่ที่ปากช่องคลอด      
• โรคมะเร็งอวัยวะเพศหญิง      
• เป็นส่วนหนึ่งของโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน ทั้งนี้เพราะอวัยวะเพศภายนอกและปากช่องคลอดเป็นเนื้อเยื่อชนิดเดียวกับผิวหนัง  
• แพ้อาหารเครื่องดื่มบางชนิดเช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ชา กาแฟ โคล่า เครื่องดื่มชูกำลังบางชนิด) ถั่วบางชนิด หรือมะเขือเทศ/ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ

• รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเชื้อราในช่องคลอด?

ให้เอาตกขาวที่มีเชื้อรามาส่องกล้องจุลทรรศน์ดูก็บอกได้แล้ว สำหรับคุณหมอสูติฯ ส่วนใหญ่แค่ดูตกขาวโดยไม่ต้องส่องกล้องก็บอกได้ว่าเป็นเชื้อรานะ

• อาการที่แสดงในภาวะตกขาวคัน

ได้แก่ คัน แสบ แดงบริเวณปากช่องคลอดและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก จนถึง  ทวารหนัก  ตกขาวมีลักษณะข้นเป็นก้อนปนน้ำคล้ายโยเกิร์ต ปัสสาวะแสบขัด เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

• เมื่อคันชองคลอดควรพบแพทย์เมื่อไร?

• เมื่อคันช่องคลอดควรพบแพทย์/สูตินรีแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อ
• มีตกขาวร่วมด้วยโดยเฉพาะเมื่อตกขาวมีเลือดปนและ/หรือมีกลิ่นเหม็น      
• สงสัยติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือสงสัยการติดเชื้อต่างๆที่อวัยวะเพศเช่น มีตกขาว มีกลิ่นเหม็น หรือมีสีผิดปกติเช่น เขียว น้ำตาล หรือขาวข้นเหมือนนม      
• มีผื่น แดง บวม หรือตุ่มหนอง หรือมีอาการเจ็บมากในบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาการไม่ดีขึ้น ใน   2 - 3 วันหลังดูแลตนเอง      
• มีแผลเรื้อรังหรือมีก้อนเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ      
• มีเลือดออกจากช่องคลอดหรือจากผื่นหรือจากแผลในบริเวณอวัยวะเพศ      
• คันมากจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือต่อการนอน      
• อาการคันไม่ดีขึ้นในประมาณ   1 สัปดาห์หลังการดูแลตนเองหรืออาการคันเลวลง/คันมากขึ้น เรื่อยๆ      
• กังวลในอาการ

• การรักษาภาวะตกขาวคันในช่องคลอดจากเชื้อรา

แนวทางการรักษาอาการคันช่องคลอดคือ การรักษาสาเหตุและการรักษาประคับประคองตามอาการ      
การรักษาสาเหตุ : จะแตกต่างกันในแต่ละสาเหตุ เช่น      
• รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์      
• รักษาเหาเมื่อสาเหตุมาจากเหาที่ขนอวัยวะเพศ      
• การทายาฮอร์โมนเพศหญิงที่อวัยวะเพศสำหรับอาการช่องคลอดแห้งจากภาวะขาดฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ยา Premarin/Conjugated estrogen cream      
• การใช้ยาต้านเชื้อราทาอวัยวะเพศหรือใช้ยาเหน็บช่องคลอดเมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อรา/เชื้อราช่องคลอดเช่น ยา   Clotrimazole      
• การปรับเปลี่ยนเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อสาเหตุเกิดจากการแพ้สารเคมีจากของใช้นั้น ๆ      
• การฝึกควบคุมอารมณ์/จิตใจเมื่อสาเหตุเกิดจากปัญหาทางอารมณ์/จิตใจ      
• การหลีกเลี่ยงอาหาร/เครื่องดื่มบางชนิดเมื่อสิ่งเหล่านั้นเป็นสาเหตุเช่น เครื่องดื่มคาเฟอีนต่าง ๆ

การรักษาประคับประคองตามอาการ :        
• กินยาแก้คันโดยเฉพาะเมื่อใช้ก่อนนอน เพื่อให้นอนหลับได้เต็มที่เช่น ยา Cetirizine, ยา Hydroxyzine      
• การรักษาความสะอาดและการป้องกันการอับชื้นของอวัยวะเพศ      

จำเป็นต้องมารับการตรวจซ้ำหลังการรักษาหรือไม่?
การรักษาส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพดีมาก โดยอาการมักดีขึ้นภายใน 3-4 วัน และไม่จำเป็นต้องกลับมาตรวจซ้ำ ยกเว้น อาการไม่ดีขึ้นเลยในเวลา 1 สัปดาห์ ควรมาพบแพทย์เพื่อประเมินซ้ำ

• ดูแลตัวเองเมื่อเชื้อราในช่องคลอดแบบซ้ำซาก?

ถ้าคุณผู้หญิงมีอาการมากกว่า 4 ครั้งต่อปี โดยแต่ละครั้งคุณผู้หญิงมีหลักฐานการตรวจว่าเป็นเชื้อราในช่องคลอดจริง แสดงว่าคุณผู้หญิงมีภาวะติดเชื้อซ้ำซาก การดูแลตนเองเพิ่มเติม ได้แก่ ควรตรวจหาภาวะเบาหวาน รับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน และมารับการเพาะเชื้อหาชนิดของเชื้อราต้นเหตุ
อย่างไรก็ตาม อาการคันในช่องคลอด สามารถเกิดขึ้นได้ในสภาวะปกติ เพราะสารคัดหลั่งในช่องคลอดเป็นกรด ทำให้เกิดอาการระคายเคืองขึ้นได้ บ่อยครั้งที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นติดเชื้อรา ดังนั้นหากคุณผู้หญิงมีอาการเล็กน้อย คุณผู้หญิงไม่ควรซื้อยามาใช้เองเพราะอาจเป็นการรักษาที่ไม่จำเป็นและจะทำให้เกิดการดื้อยาได้   

• การรักษาอาการตกขาว คัน รักษาได้อย่างไร?

ยาที่ใช้สำหรับช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อรา โดยมากเป็นยาเหน็บ หรือ ยาทาช่องคลอด เช่น      
• Butoconazole 2% cream ครั้งละ 5 กรัม สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน      
• Clotrimazole 1% cream ครั้งละ 5 กรัม สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7--14 วัน      
• Clotrimazole 100 mg สอดช่องคลอด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7 วัน      
• Clotrimazole 100 mg vaginal tablet สอดเข้าช่องคลอด วันละ 2 เม็ด ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน      
• Clotrimazole 500 mg vaginal tablet สอดเข้าช่องคลอด 1 เม็ดครั้งเดียว      
• Miconazole 2% cream ครั้งละ 5 กรัม สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7 วัน      
• Miconazole 100 mg vaginal suppository สอดช่องคลอดวันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7 วัน      
• Miconazole 200 mg vaginal suppository สอดช่องคลอดวันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน      
• Miconazole vaginal ovule 1200mg ครั้งเดียว      
• Miconazole 400mg สอดช่องคลอด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน      
• Tioconazole 6.5% ointment 5 กรัมครั้งเดียว สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator      
• Terconazole 0.4% cream ครั้งละ 5 กรัม สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7 วัน      
• Terconazole 0.8% cream ครั้งละ 5 กรัม สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน      
• Terconazole 80 mg vaginal suppository ใส่ช่องคลอด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน      
• รับประทานยาเม็ด Fluconazole 150 mg 1 เม็ดครั้งเดียว      
• รับประทาน Itraconazole 200mg วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 วัน

• การดูแลและป้องกันตัวเอง เมื่อมีอาการตกขาวคันช่องคลอด

• รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศด้วยการใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว/สบู่เด็ก รวมถึงการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำพออุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิปกติ ไม่ใช้น้ำอุ่นจัด      
• หลีกเลี่ยงใช้สารเคมีต่างๆที่ก่อการระคายเคืองต่ออวัยวะเพศ/ช่องคลอดเช่น สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้ซักกางเกงใน เป็นต้น      
• เลิกการสวนล้างช่องคลอดหรือการใช้น้ำยาอนามัยต่างๆบริเวณอวัยวะเพศ      
• สวมใส่กางเกงในชนิดผ้าฝ้าย   100% ที่ไม่รัดแน่นเกินไป เปลี่ยนกางเกงใน/ผ้าอนามัยบ่อยๆเพื่อป้องกันการเปียกชื้น      
• รักษาบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ      
• หลีกเลี่ยงการเสียดสีบริเวณอวัยวะเพศเช่น การถีบจักรยาน การสวมใส่กางเกงที่รัดคับ แน่น      
• งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการคันจะหาย      
• ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวเกินเพราะคนอ้วนบริเวณอวัยวะเพศ มักอับชื้นและมีเหงื่อออกมาก      
• พยายามไม่เการุนแรงที่อวัยวะเพศ ควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการเกา      
• ล้าง/เช็ด/ทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอเพื่อป้องกันการปนเปื้อนอุจจาระ พยาธิ และสารคัดหลั่ง จากปากทวารหนัก      
• เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆเมื่อใช้ผ้าอนามัย รวมถึงใช้ผ้าอนามัยแบบสอดให้ถูกวิธี      
• รักษาดูแลควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเช่น โรคเบาหวาน โรคเหา หรือโรคผิว หนังอื่นๆ เป็นต้น      
• ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ      
• หลีกเลี่ยงอาหาร/เครื่องดื่มที่อาจเป็นสาเหตุเช่น เครื่องดื่มคาเฟอีนต่างๆเช่น กาแฟ ชา โคล่า เครื่องดื่มชูกำลัง      
• รักษาสุขภาพจิต      
• ไม่ซื้อยาแก้คันกินเองหรือทายาแก้คันเองควรต้องปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ      
• เมื่อคันในบริเวณผิวหนังของอวัยวะเพศภายนอก ไม่ล้วงทายาเข้าไปในช่องคลอดยกเว้นเป็นการใช้ยาตามคำสั่งแพทย์      
• พบแพทย์/สูตินรีแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อดูแลตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการเลวลง   

• ภาวะตกขาว คัน ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไม่?

โดยปกติแล้วตกขาวคันมักเกิดจากการติดเชื้อ แต่ถ้าหากตกขาวปนเลือดด้วยให้ระวังมะเร็งปากมดลูกไว้ให้ดี บางท่านมีเชื้อไวรัส HPV ด้วยจากที่เคยเป็นหูดยิ่งมีสิทธิ์เป็นตกขาวมะเร็งได้

สรุป
อาการตกขาวผิดปกติเกิดได้จากหลายสาเหตุ หลากปัจจัย ดังนั้นแนะนำว่าไม่ควรวินิจฉัยโรคด้วยตัวเอง และไม่ควรซื้อยามากินเองโดยเด็ดขาดนะคะ แต่หากพบอาการผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อตรวจภายในไปเลย ทั้งนี้ก็เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยกับตัวคุณผู้หญิงเองค่ะ

ทางทีมกูรูเช็คหวังว่าข้อมูลที่ทีมรวบรวมมาในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณๆทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้  ฝากติดตามข้อมูล รีวิว สุขภาพและความงาม ตามหลักการแพทย์ได้ที่ช่องกูรูเช็คนะคะ


เขียนโดย : กูรูเช็ค

Views

11355

“ เราเชื่อว่าข้อมูลทางวิชาการเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คนกูรูเช็คขอเป็นตัวแทนที่จะนำเสนอข้อมูลสุขภาพและความงามตามหลักการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและมีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขกับการเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นค่ะ “